การซื้อกล้องถ่ายภาพยนตร์ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นหากคุณต้องการยกระดับฝีมือในการถ่ายทำภาพยนตร์ขึ้นไปอีกขั้น การเลือกกล้องที่ผ่านการรับรองจาก Netflix ย่อมทำให้มั่นใจได้ว่ากล้องของคุณมีความน่าเชื่อถือและรองรับการใช้งานได้หลากหลายเพื่อถ่ายทอดผลงานของคุณออกมาอย่างสร้างสรรค์ มาเรียนรู้เกี่ยวกับกล้อง Cinema EOS รุ่นต่างๆ ที่ผ่านการรับรองจาก Netflix ได้ในบทความนี้
“กล้องที่ผ่านการรับรองจาก Netflix” หมายถึงอะไร
ก่อนอื่น: รู้ไหมว่า “กล้องที่ผ่านการรับรองจาก Netflix” หมายถึงอะไร
กล้องที่ “ผ่านการรับรองจาก Netflix” (Netflix-approved) คือกล้องที่ Netflix อนุญาตให้ใช้เป็นกล้องหลักสำหรับการถ่ายทำคอนเทนต์ที่ Netflix อำนวยการสร้างเอง (Netflix Originals) 90% ของความยาวทั้งหมดในการออกอากาศรายการนั้นๆ ต้องถ่ายทำด้วยกล้องดังกล่าว
กล้องที่ว่านี้ต้องผ่านการประเมินอย่างเข้มงวดจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ Netflix ก่อนจึงจะได้ไปอยู่ในรายชื่อกล้องที่ “ผ่านการรับรอง” คุณจึงคาดหวังได้ถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือในระดับสูงที่พร้อมตอบสนองความต้องการในการสร้างสรรค์ผลงานของคุณ ดังนั้น แม้คุณไม่คิดว่าจะได้ถ่ายทำผลงาน Netflix Original ในเร็วๆ นี้ แต่การเลือกกล้องที่ผ่านการรับรองจาก Netflix ก็ยังมีข้อดีอยู่ แล้วคุณจะพร้อมเสมอเมื่อโอกาสในการถ่ายทำคอนเทนต์ Netflix Original มาถึง!
สเปคขั้นต่ำสำหรับการรับรองจาก Netflix
แม้ว่าการมีสเปคขั้นต่ำตามที่กำหนดไม่ได้รับประกันว่ากล้องจะผ่านการรับรองจาก Netflix เสมอไป แต่อย่างน้อยกล้องทุกรุ่นที่ผ่านการรับรองจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- เซนเซอร์ภาพแบบ True 4K UHD (ในระหว่างการถ่ายทำแบบ Non-anamorphic) ซึ่งมี Photosite อย่างน้อย 3,840 จุดตลอดความกว้าง
- ความลึกสีอย่างน้อย 10 บิต
- การบันทึกวิดีโอ RAW แบบไม่บีบอัด/บีบอัดเล็กน้อย หรือโคเดกที่บีบอัดแบบ Intraframe ด้วยการ Subsampling 4:2:2 ขึ้นไป
- อัตราข้อมูลต่ำสุด 240Mbps ที่ 24 fps
- ปริภูมิสีแบบ Scene-referred
- ฟังก์ชั่นการถ่ายโอนแบบ Scene-referred (การบันทึก Log)
- เอาต์พุตไทม์โค้ดโดยเฉพาะ
กล้องที่มีสเปคเช่นนี้สามารถบันทึกภาพในรูปแบบที่ยังคงรายละเอียดสีปริมาณมหาศาลเอาไว้ได้โดยสูญเสียคุณภาพน้อยที่สุด แม้จะผ่านกระบวนการตัดต่อ (Post-Production) มาอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้มีการจัดการสี (Colour-managed workflow) ในขั้นตอนการทำงาน ซึ่งสีสันจะดูถูกต้องสมจริงบนจอแสดงผลและรูปแบบในการส่งมอบต่างๆ ตลอดกระบวนการตัดต่อ

ช่องต่อสำหรับไทม์โค้ดโดยเฉพาะช่วยให้ซิงค์ข้อมูลกับกล้องและตัวบันทึกเสียงทุกตัวได้อย่างง่ายดายเมื่อถ่ายทำด้วยกล้องหลายตัวพร้อมกัน
นอกจากนี้ Netflix ยังประเมินกล้องตามคุณสมบัติต่างๆ ด้วย เช่น
- ช่วงไดนามิกเรนจ์
- รูปลักษณ์
- ความเข้ากันได้กับขั้นตอนการทำงาน
- ความเสถียร
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการประเมินกล้องของ Netflix ได้ที่:
กล้องที่ผ่านการรับรอง – เบื้องหลัง
ควรเลือกใช้กล้อง Cinema EOS ที่ผ่านการรับรองจาก Netflix รุ่นไหนดี
ในปัจจุบันมีกล้อง Canon Cinema EOS ที่ผ่านการรับรองจาก Netflix 10 รุ่นได้แก่
- EOS R5 C (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C70 (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C80
- EOS C300 Mark II (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C300 Mark III (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C400
- EOS C500
- EOS C500 Mark II (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C700 (ฉบับภาษาอังกฤษ)
- EOS C700 FF (ฉบับภาษาอังกฤษ)


กล้องเหล่านี้มีความแตกต่างกันในแง่ของรูปลักษณ์ ฟังก์ชั่นการทำงาน ความสามารถด้านเอาต์พุต และราคา คุณจะหากล้องที่เหมาะกับตนเองได้ ไม่ว่าจะต้องการกล้องแบบ DSLR ขนาดเล็กสำหรับการถ่ายทำที่ต้องอาศัยความรวดเร็ว (Run-and-gun shoots) หรือระบบกล้องแบบถอดประกอบได้ (Modular) ซึ่งสามารถขยายเพิ่มเติมสำหรับโปรดักชั่นขนาดใหญ่
ข้อมูลต่อไปนี้เป็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องใหม่ล่าสุด 6 รุ่น
ตารางเปรียบเทียบ: กล้อง Cinema ของ Canon 6 รุ่นที่ผ่านการรับรองจาก Netflix
การเปรียบเทียบคุณสมบัติหลัก
คุณสมบัติที่กล้องทั้ง 6 รุ่นมีเหมือนกันได้แก่
- เสียง 4 ช่อง
- ระบบป้องกันภาพสั่นไหวดิจิทัลแบบ 5 แกน
- การทำงานระบบสัมผัส
- รองรับทั้งแกมมาสำหรับการบันทึกแบบ PQ และ HLG HDR
ความแตกต่างอื่นๆ ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้:
คุณสมบัติหลัก | ||||||
R5 C | C70 | C80 | C300 Mark III | C400 | C500 Mark II | |
เมาท์เลนส์ | RF | RF | RF | EF/PL | RF | EF/PL |
ความละเอียดสูงสุด | 8K 60p | 4K DCI 60p | 6K 30p | 4K DCI | 6K 60p | 5.9K 60p |
การบันทึกแบบ RAW | 8K 60p 5.9K 60p 2.9k 60p |
4K DCI 60p 2K 60p |
6K 30p 4.3K 60p |
4K DCI 60p 2K 60p (แบบครอปภาพ) |
6K 60p
แบบครอปภาพ: |
แบบไม่ครอปภาพ: 5.9K 60p/4.1K 60p (4:3)/3.7K 60p (6:5) แบบครอปภาพ: 4K DCI 60p (Super 35) 2K 60p (Super 16 ) |
ประเภทเซนเซอร์ | CMOS แบบฟูลเฟรม | DGO ขนาด Super 35 มม. | BSI CMOS แบบฟูลเฟรม | DGO ขนาด Super 35 มม. | BSI CMOS แบบฟูลเฟรม | ฟูลเฟรม |
ระบบประมวลผลภาพ | DIGIC X | DIGIC X | DIGIC DV7 | DIGIC DV7 | DIGIC DV7 | DIGIC DV7 |
ระบบ AF สำหรับวิดีโอ | DPAF | DPAF | DPAF II | DPAF | DPAF II | DPAF |
ช่วงไดนามิกเรนจ์/ฐานความไวแสง ISO | ||||||
R5 C | C70 | C80 | C300 Mark III | C400 | C500 Mark II | |
ช่วงไดนามิกเรนจ์ | 14 สต็อปขึ้นไป | 16 สต็อปขึ้นไป | 16 สต็อป | 16 สต็อปขึ้นไป | 16 สต็อป | 15 สต็อปขึ้นไป |
ฐานความไวแสง ISO (การบันทึก C-Log/RAW) |
800 3200 |
800 | 800 3200 12800 |
800 | 800 3200 12800 |
800 |
โหมดการบันทึก | ||||||
R5 C | C70 | C80 | C300 Mark III | C400 | C500 Mark II | |
โหมด Canon Log | Canon Log 3 | Canon Log 2 และ 3 | Canon Log 2 และ 3 | Canon Log 2 และ 3 | Canon Log 2 และ 3 | Canon Log 2 และ 3 |
รูปแบบการบันทึกภายใน | Cinema RAW light XF-AVC MP4 |
Cinema RAW Light XF-AVC MP4 |
Cinema RAW Light XF-AVC XF-AVC S XF-HEVC S |
Cinema RAW Light XF-AVC |
Cinema RAW Light XF-AVC XF-AVC S XF-HEVC S |
Cinema RAW Light XF-AVC |
สโล/ฟาสต์โมชั่น | 1-120p (4K, 2K) |
12-120p (4K) 12-180p (2K) |
1-120p (4K) 1-180p (2K) |
12-120p (4K) 12-180p (2K) |
1-120p (4K) 1-180p (2K) |
12-120p (2K แบบครอปภาพ) |
เลนส์ | ||||||
R5 C | C70 | C80 | C300 Mark III | C400 | C500 Mark II | |
การรองรับเลนส์ Anamorphic | 2 เท่า / 1.8 เท่า / 1.3 เท่า | 2 เท่า / 1.3 เท่า | 2 เท่า / 1.8 เท่า / 1.3 เท่า | 2 เท่า / 1.8 เท่า / 1.3 เท่า | 2 เท่า / 1.8 เท่า / 1.5 เท่า / 1.3 เท่า | 2 เท่า / 1.8 เท่า / 1.3 เท่า |
ช่องต่อเลนส์สำหรับเลนส์ Cine-Servo | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี (ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง) |
มี | ไม่มี (ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง) |
เลนส์ที่รองรับ | RF EF* |
RF EF* |
RF EF* PL* |
EF/PL** | RF EF* PL* |
RF EF* |
*ต้องใช้เมาท์อะแดปเตอร์
** ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนได้ด้วยชุดอุปกรณ์เปลี่ยนเมาท์
รูปลักษณ์/คุณสมบัติทางกลไก | ||||||
R5 C | C70 | C80 | C300 Mark III | C400 | C500 Mark II | |
รูปลักษณ์ | คล้ายกับกล้อง DSLR | คล้ายกับกล้อง DSLR | คล้ายกับกล้อง DSLR | แบบ Modular | แบบ Modular | แบบ Modular |
ฟิลเตอร์ ND ในตัว | – | 10 สต็อป | 10 สต็อป | 10 สต็อป | 10 สต็อป | 10 สต็อป |
EVF ในตัว | มี | – | – | – | – | – |
ช่องต่อและอินเทอร์เฟซ | ||||||
R5 C | C70 | C80 | C300 Mark III | C400 | C500 Mark II | |
เอาต์พุต 12-G SDI | ไม่มี | ไม่มี | มี | มี | มี | มี |
เอาต์พุตมอนิเตอร์ | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | มี | มี | มี |
G-LOCK/SYNC | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี (ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง) |
มี | ไม่มี (ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง) |
ช่องต่ออินพุต XLR | ไม่มี | มี (ขนาดเล็ก) |
มี (ขนาดเล็ก) |
มี (ขนาดใหญ่) |
มี (ขนาดเล็ก) |
มี (ขนาดใหญ่) |
Wi-FI ในตัว | มี 2.4GHz / 5GHz |
ไม่มี | มี 2.4 GHz/ 5GHz |
ไม่มี | มี 2.4 GHz/ 5GHz |
ไม่มี |
ช่องต่ออีเทอร์เน็ตในตัว | ไม่มี (ต้องใช้อุปกรณ์ส่งไฟล์แบบไร้สาย WFT-R10 + อะแดปเตอร์อีเทอร์เน็ต) |
ไม่มี (ต้องใช้อะแดปเตอร์อีเทอร์เน็ต) |
มี | ไม่มี (ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง) |
มี | ไม่มี (ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง) |
ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่น | มี (1 ช่อง) | ไม่มี | มี (2 ช่อง) | ไม่มี | มี (2 ช่อง) | ไม่มี |
อื่นๆ | ||||||
R5 C | C70 | C80 | C300 Mark III | C400 | C500 Mark II | |
ช่องใส่การ์ด | CFexpress Type B 1 ช่อง SD UHS-II 1 ช่อง |
SD UHS-II 2 ช่อง | SD UHS-II 2 ช่อง | CFexpress Type B 2 ช่อง SD UHS-II 1 ช่อง |
CFexpress Type B 1 ช่อง SD UHS-II 1 ช่อง |
CFexpress Type B 2 ช่อง SD UHS-II 1 ช่อง |
แบตเตอรี่เดิม | LP-E6NH | BP-A30/BP-A60* | BP-A30N/BP-A60N | BP-A30/BP-A60* | BP-A30N/BP-A60N | BP-A30/BP-A60* |
*สามารถใช้ BP-A30N/BP-A60N ได้เช่นกัน
1. กล้องประสิทธิภาพสูงแบบไฮบริด: EOS R5 C

คุณสมบัติเด่น
- เซนเซอร์ภาพ CMOS แบบฟูลเฟรม 45 ล้านพิกเซล
- เมาท์ RF
- การบันทึกภายในรูปแบบ RAW แบบ 8K 60p
- EVF
- AF และการบันทึกเสียง (ไฟล์ .wav) ที่อัตราเฟรมสูง
- Eye Detection AF และการติดตามตัวแบบ EOS iTR AF X
- เมาท์ฐานเสียบแฟลชมัลติฟังก์ชั่น
EOS R5 C ถือว่าเป็นกล้องไฮบริดแท้ๆ รุ่นแรกของ Canon ที่มีขนาดกะทัดรัดที่สุดและเบาที่สุดในกลุ่มกล้อง Cinema EOS และยังเป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์ขนาดเล็กที่สุดที่มีเซนเซอร์ฟูลเฟรม กล้องรุ่นนี้บันทึกภาพแบบ RAW ในตัวได้สูงสุดถึง 8K 60p จึงสามารถรองรับการใช้งานในอนาคต รวมทั้งช่วยให้ขั้นตอนการตัดต่อมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นกล้องถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 45 ล้านพิกเซลอันทรงพลัง ซึ่งมีประสิทธิภาพระดับเดียวกับ EOS R5 ด้วย

ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นทำหน้าที่รองรับอุปกรณ์เสริมสำหรับระบบเสียงภายนอก เช่น ไมโครโฟน XLR

ขณะที่ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ช่วยในการมองเห็นเมื่อถ่ายทำกลางแดดซึ่งมีแสงจ้า (Glare) ที่อาจทำให้ยากที่จะมองเห็นหน้าจอ LCD ด้านหลังหรือจอภายนอก
2. กล้องกะทัดรัดสารพัดประโยชน์: EOS C70

คุณสมบัติเด่น
- รูปลักษณ์ที่กะทัดรัดเหมือนกล้อง DSLR
- เซนเซอร์ Dual Gain Output (DGO)
- เมาท์ RF
- Eye Detection AF และการติดตามตัวแบบ EOS iTR AF X
- AF และการบันทึกเสียงที่อัตราเฟรมสูง
- ช่องต่ออินพุต mini-XLR 2 ช่อง
EOS C70 มีความคล้ายคลึงกับ EOS R5 C หลายประการ รวมถึงรูปลักษณ์ที่คล้ายกล้อง DSLR เมาท์เลนส์ RF แบบใหม่ ตลอดจน Eye Detection AF และการติดตามตัวแบบ EOS iTR AF X อย่างไรก็ตาม EOS C70 มีช่วงไดนามิกเรนจ์ 16 สต็อปขึ้นไปซึ่งถือว่ากว้างกว่า เนื่องจากมีเทคโนโลยี Dual Gain Output (DGO) ที่ใช้ในเซนเซอร์ภาพแบบ 4K Super 35 มม. ทำให้สร้างเอาต์พุต HDR ได้คมชัดยิ่งขึ้น และยังมีตัวเลือกมากมายสำหรับการบันทึกลงในการ์ด SD สองใบพร้อมกัน สามารถบันทึกเสียงที่อัตราเฟรมปกติได้ในระหว่างการบันทึกอัตราเฟรมสูงแบบ 4K 120p

EOS C70 มีคุณสมบัติหลากหลายในตัว เช่น ฟิลเตอร์ ND 10 สต็อป ซึ่งพบได้ในกล้อง Cinema EOS ในระดับไฮเอนด์เช่นกัน รวมถึงช่องต่อ mini XLR สองช่องที่ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมได้มากขึ้น

สามารถติดตั้งเลนส์ EF ด้วยเมาท์อะแดปเตอร์ EF-EOS R 0.71x ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ทางยาวโฟกัสเดิมของเลนส์ได้ และยังช่วยให้ส่งผ่านแสงได้มากขึ้น 1 สต็อปด้วย
3. ยุคใหม่แห่งความอเนกประสงค์: EOS C80

คุณสมบัติเด่น
- เซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรมรับแสงด้านหลังซ้อนกันความละเอียด 6K
- Wi-Fi ในตัวและช่องต่ออีเทอร์เน็ต
- ฐานความไวแสง ISO สามเท่า (800/3200/12800)*
- Dual Pixel CMOS AF II
- โคเดก XF-HEVC S และ XF-AVC S ระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม
- รองรับเลนส์ PL เมื่อใช้เมาท์อะแดปเตอร์ PL-RF เสริม
- ช่องต่อ 12G-SDI Out
*เมื่อบันทึกแบบ Canon Log 2/3 และ RAW ที่การตั้งค่า HDMI RAW
กล้อง EOS C80 อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติที่ดียิ่งกว่าภายในรูปลักษณ์คล่องตัวแบบกล้อง DSLR จึงมีความสามารถที่โดดเด่นกว่า EOS C70 กล้องรุ่นนี้มีเซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรมรับแสงด้านหลัง (BSI) ซ้อนกันความละเอียดสูง 6K ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการถ่ายภาพให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถอ่านสัญญาณได้เร็วขึ้นด้วย ซึ่งจะช่วยลดความบิดเบี้ยวที่เกิดจาก Rolling Shutter และมีฐานความไวแสง ISO สามเท่าเพื่อการลดจุดรบกวนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงระบบโฟกัสอัตโนมัติ Dual Pixel CMOS AF II ที่ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกแบบใหม่อันทรงพลัง จึงสามารถตรวจจับและติดตามตัวแบบได้ครอบคลุมพื้นที่ราว 100% x 100% ของเฟรมภาพ
อินเทอร์เฟซที่เพิ่มขึ้น เช่น ช่องต่อเอาต์พุต 12G-SDI ใหม่ ช่องต่ออีเทอร์เน็ต, Wi-Fi ในตัว และฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่นรุ่นใหม่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายระบบและการเชื่อมต่อ ทำให้กล้องพร้อมสำหรับขั้นตอนการทำงานในการถ่ายทำหลากหลายรูปแบบ เช่น การควบคุมกล้องจากระยะไกลและการถ่ายทำแบบเสมือนจริง

กล้อง EOS C80 ได้เพิ่มช่องต่อเอาต์พุต 12G-SDI เข้ามาหนึ่งช่องซึ่งก่อนหน้านี้จะมีเฉพาะในกล้องระดับสูงอย่าง EOS C500 Mark II, C400 และ EOS C300 Mark III เท่านั้น ช่องต่อนี้ทำให้สามารถส่งเอาต์พุต 4K 50p/60p ผ่านสายเคเบิลเพียงเส้นเดียวได้ จึงช่วยมอบตัวเลือกในการถ่ายโอนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพให้กองถ่ายที่มีขั้นตอนการทำงานที่ต้องอาศัยความละเอียดสูงและอัตราเฟรมสูง

ฐานความไวแสง ISO สามเท่าทำให้คุณใช้ค่าความไวแสง ISO ที่ช่วยคงช่วงไดนามิกเรนจ์ไว้ให้เหมาะสมกับฉากมากที่สุดได้ ผลลัพธ์คือฟุตเทจที่มีจุดรบกวนน้อยลงและคุณภาพของภาพที่ดียิ่งขึ้น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้อง EOS C80 ได้ที่:
EOS C80: นิยามใหม่ของความอเนกประสงค์สำหรับนักสร้างสรรค์ยุคใหม่
4. ยกระดับการถ่ายภาพยนตร์ขึ้นไปอีกขั้น: EOS C300 Mark III

คุณสมบัติเด่น
- เซนเซอร์ Dual Gain Output (DGO) แบบ 4K Super 35 มม.
- ดีไซน์อเนกประสงค์และกะทัดรัดแบบถอดประกอบได้ (Modular)
- เมาท์ EF
- เมาท์ Cinema Lock แบบ PL/EF เสริม (ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเองได้)
- ช่องต่อ 12G-SDI Out
- ช่องต่อ XLR ขนาดใหญ่
- การ์ด CFexpress Type B แบบคู่
กล้องถ่ายภาพยนตร์ที่มีระบบตัวกล้องแบบถอดประกอบได้อย่าง EOS C300 Mark III ช่วยให้คุณปรับใช้กล้องตามความต้องการได้อย่างยืดหยุ่นยิ่งขึ้น โดยสามารถเพิ่มหรือลดขนาดลงได้ตามความจำเป็น หากประกอบเฉพาะชิ้นส่วนพื้นฐานที่สุด กล้อง EOS C300 Mark III จะมีขนาดกะทัดรัดพอที่จะถือได้ด้วยมือ และสามารถยึดกับกิมบอลหรือโดรนอย่างง่ายดาย สามารถซื้อส่วนต่อเสริมเพื่อตอบสนองความต้องการในการถ่ายทำแบบต่างๆ ได้ เช่น รายการสดและการออกอากาศแบบใช้กล้องหลายตัว

สำหรับทั้ง EOS C300 Mark III และ EOS C500 Mark II คุณสามารถเปลี่ยนเมาท์ EF ที่มีอยู่เดิมให้เป็นเมาท์ PL หรือเมาท์ Cinema Lock แบบ EF (มีจำหน่ายแยกต่างหาก) ได้ด้วยตนเองโดยไม่จำเป็นต้องนำกล้องไปศูนย์บริการ

หากประกอบเฉพาะชิ้นส่วนพื้นฐาน กล้อง EOS C300 Mark III จะสามารถนำไปยึดกับโดรนได้อย่างง่ายดาย
5. ปลดล็อคความเป็นไปได้ที่มากยิ่งขึ้นในการถ่ายทำ: EOS C400

คุณสมบัติเด่น
- เซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรมรับแสงด้านหลังซ้อนกันความละเอียด 6K
- ฐานความไวแสง ISO สามเท่า
- ช่องต่อเลนส์แบบ 12 ขา (เพื่อจ่ายไฟให้เลนส์ Cine-Servo/บรอดคาสต์)
- ช่องต่อ G-LOCK/SYNC ในตัว
- ช่องต่อ 12G-SDI Out
- โคเดก XF-HEVC S และ XF-AVC S ระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม
- รองรับเลนส์ PL เมื่อใช้เมาท์อะแดปเตอร์ PL-RF เสริม
แม้ EOS C400 จะมีคุณสมบัติหลายอย่างที่เหมือนกับ EOS C80 แต่กล้องรุ่นนี้มีความสามารถในการขยายระบบขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการในการออกอากาศและการถ่ายทำที่ใช้งบประมาณสูงได้ จึงนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ ครีเอเตอร์ และผู้ผลิตสื่อที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ Wi-Fi ในตัว ช่องต่ออีเทอร์เน็ต และช่องต่อ G-LOCK/SYNC ทำให้กล้องรุ่นนี้มีความสามารถในการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดตั้งแต่แกะออกจากกล่องเมื่อเทียบกับระบบกล้องแบบถอดประกอบได้ทั้งหมดสามรุ่นในนี้

อินเทอร์เฟซอันล้ำสมัยของกล้อง EOS C400 รองรับทั้งการออกอากาศและการถ่ายรายการสดโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง นอกจากช่องต่อมอนิเตอร์และ G-LOCK/SYNC/RET แล้ว ยังมีช่องต่อเลนส์ 12 ขาในตำแหน่งที่ใช้งานง่ายด้านหน้ากล้องซึ่งจะทำหน้าที่จ่ายไฟโดยตรงให้กับเลนส์ Cine-Servo และเลนส์บรอดคาสต์รุ่นที่เข้ากันได้

สามารถติดตั้งเลนส์เมาท์ PL อย่างเลนส์ Sumire Prime ได้อย่างง่ายดายและมั่นคงโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเติมเมื่อใช้เมาท์อะแดปเตอร์ PL-RF เสริม
6. ฟูลเฟรมพร้อมความอเนกประสงค์แบบจัดเต็ม: EOS C500 Mark II

คุณสมบัติเด่น
- เซนเซอร์ CMOS แบบฟูลเฟรม 5.9K
- เมาท์ EF
- การ์ด CFexpress Type B แบบคู่
- ผ่านการรับรองจาก Netflix สำหรับการถ่ายทำแบบ Anamorphic
- เมาท์ Cinema Lock แบบ PL/EF เสริม (ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเองได้)
- ช่องต่อ 12G-SDI Out
- ช่องต่อ XLR ขนาดใหญ่
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้กล้องเมาท์ EF เซนเซอร์แบบฟูลเฟรม 5.9K ของ EOS C500 Mark II คือข้อแตกต่างสำคัญที่ทำให้กล้องรุ่นนี้ไม่เหมือน EOS C300 Mark III นอกจากนี้ยังเป็นกล้อง Canon เพียงรุ่นเดียวที่ผ่านการรับรองจาก Netflix สำหรับการถ่ายทำแบบ Anamorphic

ช่องต่อ XLR ขนาดใหญ่ช่วยให้การเชื่อมต่อมีความเสถียรและคงทน ไม่จำเป็นต้องใช้อะแดปเตอร์หากอุปกรณ์สนับสนุน/ระบบเสียงที่คุณมีอยู่แล้วใช้หัวต่อ XLR แบบมาตรฐาน

และช่องใส่การ์ด CFexpress Type B แบบคู่ของ EOS C500 Mark II ยังเหมาะสำหรับการบันทึกอัตราบิตสูง รวมถึงการบันทึกแบบพร้อมกันและสลับกันอีกด้วย
ติดต่อเราได้เลยหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องเหล่านี้!