เคล็ดลับและบทเรียน >> เคล็ดลับและบทเรียนทั้งหมด
7 สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกกล้อง Canon ตัวแรกของคุณ
คุณตัดสินใจเดินหน้าครั้งใหญ่บนเส้นทางการถ่ายภาพด้วยการซื้อกล้องตัวแรกให้ตนเองโดยเฉพาะ ด้วยตัวเลือกมากมายที่ต่างก็มีคุณสมบัติเอกลักษณ์เป็นของตนเอง คุณจะเลือกกล้องที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้อย่างไร ในบทความนี้ เราจะมาแบ่งปันสิ่งที่คุณควรพิจารณา 7 ข้อ (นอกเหนือไปจากงบประมาณ) ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น
1. ฉันต้องการความสามารถในการใช้เลนส์ที่หลากหลายหรือไม่
1. ฉันต้องการความสามารถในการใช้เลนส์ที่หลากหลายหรือไม่
กล้องคอมแพคหรือกล้องแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้
กล้องมิเรอร์เลสและ DSLR เป็นกล้องแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ จึงเป็นกล้องที่คุณน่าจะอยากได้หากเหตุผลหลักข้อหนึ่งในการซื้อกล้องถ่ายภาพโดยเฉพาะคือ ความสามารถในการเล่นกับเลนส์ได้หลากหลายชนิด (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถที่แตกต่างกันของเลนส์แต่ละชนิดได้ที่ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเลนส์)
ถ่ายด้วย RF100mm f/2.8L IS USM
เลนส์มาโครยาวๆ เช่น RF100mm f/2.8L IS USM ช่วยให้คุณถ่ายภาพโคลสอัพของตัวแบบขนาดเล็กที่ตื่นกลัวง่าย เช่น ผีเสื้อ ได้จากระยะห่างที่ไม่เป็นการรบกวน
เลนส์คิทที่มาพร้อมกับชุดกล้อง DSLR/มิเรอร์เลสของคุณมักจะเป็นเลนส์ซูมมาตรฐานหรือเลนส์ซูเปอร์ซูมที่สามารถใช้กับตัวแบบทั่วไปได้แทบทุกประเภท แต่หากคุณไม่ต้องการบำรุงรักษามากนัก หรือเพียงแค่ต้องการทำทุกอย่างได้ด้วยอุปกรณ์ชิ้นเดียว ควรพิจารณากล้องคอมแพคดู กล้องคอมแพคในซีรีย์ PowerShot ของ Canon มีเซนเซอร์ภาพขนาด 1 นิ้วเป็นอย่างต่ำ ซึ่งใหญ่กว่าที่คุณพบได้ในกล้องของสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ และยังมีคุณสมบัติหลายอย่างเช่นเดียวกับกล้องมิเรอร์เลสและกล้อง DSLR ด้วย เช่น
– โฟกัสอัตโนมัติและการติดตามที่รวดเร็ว
– การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง
– โหมดการเปิดรับแสงแบบแมนนวลและกึ่งอัตโนมัติ
– ประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูง
– การเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth

กล้องคอมแพคระดับพรีเมียมรุ่นเรือธง PowerShot V1 จาก Canon มีเซนเซอร์ภาพขนาด 1.4 นิ้วที่ค่อนข้างใหญ่ และยังมีคุณสมบัติอันทรงประสิทธิภาพมากมายที่พบได้ในกล้องมิเรอร์เลสซีรีย์ Canon EOS R เช่นกัน เช่น ระบบโฟกัสอัตโนมัติทรงพลังที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึกและการบันทึก Canon Log 3

มือใหม่ที่กำลังมองหากล้องสำหรับถ่ายวล็อกโดยเฉพาะอาจลองพิจารณากล้อง PowerShot V10 ที่พกพาสะดวกเป็นพิเศษและไม่เหมือนใครรุ่นนี้ดู กล้องมีขาตั้งในตัวจึงไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องเพิ่มเติม มีไมโครโฟนแบบ Omnidirectional ขนาดใหญ่เพื่อเสียงที่คมชัด รวมถึงเลนส์ f/2.8 มุมกว้างที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายวิดีโอแบบเซลฟี่
ข้อควรทราบ: อาจสูญเสียคุณสมบัติบางอย่าง
หากคุณสมบัติต่อไปนี้มีความสำคัญกับคุณ อาจเป็นการดีกว่าหากเลือกใช้กล้องมิเรอร์เลสหรือ DSLR:
คุณภาพของภาพ
เลนส์ซูมของกล้องคอมแพคจำเป็นต้องมีขนาดเล็ก ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการออกแบบเลนส์ เลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ที่ดีจะมีกระจกแบบพิเศษและคุณสมบัติการออกแบบอื่นๆ ที่สร้างมาโดยเฉพาะเพื่อคุณภาพของภาพสูงสุด
ระยะชัดตื้นและโบเก้
ทั้งข้อจำกัดในการออกแบบเลนส์และเซนเซอร์ภาพที่มีขนาดเล็กกว่าทำให้โบเก้ที่ได้จากกล้องคอมแพคภายใต้การตั้งค่าและสภาวะการถ่ายภาพเดียวกันอาจไม่ดูนุ่มนวลเท่า
EOS R6 + RF85mm f/2 Macro IS STM
ได้โบเก้ที่ดูนุ่มนวลสวยงามในโฟร์กราวด์และแบ็คกราวด์ที่ f/2 เมื่อใช้กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรมกับเลนส์เดี่ยวที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่
โอกาสในการพัฒนาทักษะ
การศึกษาวิธีการใช้เลนส์หลากหลายชนิดไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดเท่านั้น แต่ยังเป็นทักษะการถ่ายภาพอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์ด้วย คุณอาจยังไม่เห็นคุณค่าของมันในขณะนี้ แต่วันหนึ่งคุณอาจเปลี่ยนใจก็ได้ เมื่อใช้กล้อง DSLR หรือกล้องมิเรอร์เลส คุณจะเลือกได้เสมอว่าจะใช้เลนส์คิทไปก่อนในขณะนี้แล้วจึงใช้เลนส์รุ่นที่ดีกว่าและใหม่กว่าเมื่อพร้อม แต่สำหรับกล้องคอมแพค คุณจะต้องถ่ายภาพด้วยเลนส์ที่มีเท่านั้น
หากคุณค่อนข้างมั่นใจว่าต้องการใช้กล้องคอมแพค โปรดข้ามไปที่ข้อ 4
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
EOS R50 V กับ PowerShot V1: สองรุ่นนี้ต่างกันอย่างไร
2. ฉันควรใช้กล้อง APS-C หรือกล้องฟูลเฟรม
2. ฉันควรใช้กล้อง APS-C หรือกล้องฟูลเฟรม
งบประมาณ ขนาด และความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพ
หากคุณตัดสินใจแล้วว่าจะใช้กล้องแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ การตัดสินใจขั้นต่อไปของคุณน่าจะเป็นการเลือกว่าจะใช้เซนเซอร์ภาพแบบ APS-C หรือฟูลเฟรม


การศึกษาประเด็นนี้จำเป็นต้องใช้ทั้งบทความ ซึ่งคุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ กล้องฟูลเฟรมและ APS-C: ควรเลือกรุ่นไหนดี โดยทั่วไป ขนาดของเซนเซอร์ภาพจะส่งผลต่อขนาดของกล้องและต้นทุนในการผลิต ดังนั้น หากคุณต้องการกล้องที่มีขนาดเล็กหรือมีงบประมาณจำกัด คุณจะพบตัวเลือกมากกว่าในกลุ่มกล้อง APS-C แต่หากคุณต้องการลงทุนไปกับกล้องที่มอบความเป็นไปได้สูงสุดในระยะยาว ควรพิจารณาการใช้กล้องฟูลเฟรม
3. ฉันควรใช้เมาท์เลนส์แบบใด
สิ่งสำคัญหากคุณต้องการอัปเกรดอุปกรณ์ในที่สุด
การเลือกระหว่างกล้อง APS-C หรือกล้องฟูลเฟรมนั้นขึ้นอยู่กับซีรีย์กล้อง/เมาท์เลนส์ที่คุณต้องการ ปัจจุบัน Canon มีระบบเมาท์เลนส์ทั้งหมด 4 ระบบ ได้แก่
– เมาท์ RF สำหรับระบบกล้องมิเรอร์เลส EOS R
– เมาท์ EF สำหรับกล้อง DSLR แบบฟูลเฟรม
– เมาท์ EF-S สำหรับกล้อง DSLR แบบ APS-C
– เมาท์ EF-M สำหรับระบบกล้องมิเรอร์เลส EOS M แบบ APS-C
และมีเลนส์เมาท์ RF สองชนิด ได้แก่
– เลนส์ RF ที่ออกแบบมาสำหรับกล้อง EOS R แบบฟูลเฟรม
– เลนส์ RF-S ที่ออกแบบมาสำหรับกล้อง EOS R แบบ APS-C
เลนส์เมาท์ทั้งสองแบบสามารถติดตั้งลงบนกล้อง EOS R ทุกรุ่นได้โดยตรง แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเซนเซอร์ภาพ
แผนภูมิด่อไปนี้แสดงความสามารถในการใช้เลนส์และตัวกล้องแบบต่างๆ ร่วมกัน
1 ต้องใช้เมาท์อะแดปเตอร์
2 มุมรับภาพจะแคบกว่ากล้องฟูลเฟรม
3 ในการบันทึกภาพจะใช้เซนเซอร์ภาพเพียงบางส่วนเท่านั้น
เมาท์เลนส์ส่งผลต่อตัวเลือกของเลนส์ที่คุณสามารถใช้ได้ และจะมีความสำคัญหากคุณต้องการอัปเกรดอุปกรณ์หรือเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ของคุณในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มเมาท์ EF นั้นสมบูรณ์แล้วโดยมีเลนส์หลากหลายรุ่นให้เลือก แต่ในปัจจุบัน Canon กำลังให้ความสำคัญกับเมาท์ RF รุ่นใหม่ซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นไปได้มากมาย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
เลนส์ RF กับเลนส์ EF: แตกต่างกันอย่างไรและควรตัดสินใจเลือกอย่างไร
เลนส์ RF-S กับ RF แตกต่างกันอย่างไร
4. จำเป็นต้องมีช่องมองภาพหรือไม่
4. จำเป็นต้องมีช่องมองภาพหรือไม่
เป็นเรื่องของความชอบและสไตล์การถ่ายภาพ แต่มีไว้ก็นับว่าเป็นประโยชน์!
ในขณะสำรวจตัวเลือกต่างๆ คุณอาจสงสัยว่าจะเสียดายภายหลังหรือไม่หากเลือกกล้องที่ไม่มีช่องมองภาพ ท้ายที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล แต่ช่องมองภาพนั้นมีประโยชน์แน่นอน
กล้องมิเรอร์เลสบางรุ่นอย่าง EOS R50 V ที่เน้นคุณสมบัติการถ่ายวิดีโอ (แสดงรูปไว้ในบทความนี้คู่กับเลนส์คิท RF-S14-30mm f/4-6.3 IS STM PZ) จะไม่มีช่องมองภาพในตัว
ช่องมองภาพมีประโยชน์เมื่อใด
– ในการถ่ายภาพกลางแจ้งที่มีแสงแดดสว่างจ้า เมื่อมองเห็นหน้าจอ LCD ด้านหลังได้ยาก
– เพื่อให้มุ่งความสนใจไปยังตัวแบบได้ดีขึ้น
– ในการถือกล้องด้วยท่าทางการถ่ายภาพที่มั่นคงกว่า
– ในการถ่ายภาพที่สภาวะแสงน้อย เพื่อไม่ให้แสงจากหน้าจอ LCD รบกวนคนที่อยู่ใกล้เคียง
EVF แตกต่างจากช่องมองภาพแบบออพติคอลของกล้อง DSLR อย่างไร
ช่องมองภาพแบบออพติคอล (OVF) ในกล้อง DSLR จะแสดงภาพจากเลนส์ที่สะท้อนลงบนกระจกโดยตรง ในขณะที่การแสดงผลใน EVF จะผ่านระบบประมวลผลภาพมาก่อนเช่นเดียวกับการแสดงผลแบบ Live View บนหน้าจอ LCD ซึ่งทำให้สามารถแสดงข้อมูลได้มากขึ้นและดูตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้จากการตั้งค่าการเปิดรับแสง สมดุลแสงขาว หรือการตั้งค่าสีได้
หากมีปัญหาในการดูหน้าจอ LCD ด้านหลังเนื่องจากแสงจ้าจากดวงอาทิตย์ ช่องมองภาพสามารถช่วยได้! ข้อมูลที่แสดงซ้อนอยู่บน EVF เป็นข้อมูลแบบเดียวกับที่แสดงบนหน้าจอ LCD ด้านหลัง ซึ่งทำให้สามารถดูผลลัพธ์จากการตั้งค่าแบบต่างๆ ได้ง่าย หากคุณเปิดใช้งาน AF แบบแตะและลาก ในกล้องมิเรอร์เลส คุณจะสามารถควบคุมจุด AF ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องละสายตาจากช่องมองภาพโดยการแตะหรือลากนิ้วไปบนหน้าจอ LCD แบบสัมผัส
ประโยชน์ของ EVF
– สามารถดูตัวอย่างการตั้งค่าการเปิดรับแสงและสีได้
– แสดงข้อมูล
– แสงในช่องมองภาพช่วยให้คุณมองเห็นได้ดีขึ้นในที่มืด
– ฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น การซูมเข้าไปที่ภาพเพื่อตรวจสอบโฟกัส
– ไม่ต้องใช้กระจก ทำให้กล้องมีขนาดเล็ก
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
เลนส์ไวแสงทำให้มองเห็นผ่านช่องมองภาพได้ง่ายขึ้นหรือไม่
5. กล้องมีอินเทอร์เฟซและการควบคุมที่ฉันต้องการหรือไม่
5. กล้องมีอินเทอร์เฟซและการควบคุมที่ฉันต้องการหรือไม่
พิจารณาถึงส่วนประกอบต่างๆ เช่น แฟลชติดกล้อง ฐานเสียบแฟลช และอื่นๆ
กล้องแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงผู้ใช้ที่แตกต่างกัน ดังนั้น กล้องทุกตัวจึงอาจไม่ได้มีคุณสมบัติที่คุณต้องการ ต่อไปนี้คือตัวอย่างของคุณสมบัติดังกล่าว:
ฐานเสียบแฟลช/ฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่น
กล้องที่มีฐานเสียบแฟลชจะทำให้คุณติดตั้งอุปกรณ์เสริมภายนอกบางอย่างได้ เช่น แฟลช Speedlite ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ควรศึกษาวิธีการใช้งานหากคุณต้องการปรับปรุงทักษะการถ่ายภาพพอร์ตเทรตหรือเติบโตยิ่งขึ้นในฐานะช่างภาพ
กล้อง Canon ส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายในปี 2564 เป็นต้นมาจะมีฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่น ฐานที่ว่านี้จะมีช่องต่อดิจิทัลอีกหนึ่งช่องอยู่ใต้แผงสีเงินและสามารถใช้ในการจ่ายไฟให้อุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เข้ากันได้ เช่น ไมโครโฟนสตอริโอแบบกำหนดทิศทาง DM-E1D สำหรับฐานเสียบมัลติฟังก์ชั่น (ฉบับภาษาอังกฤษ)
แฟลชติดกล้อง

แฟลชติดกล้องช่วยอำนวยความสะดวกในสถานการณ์ที่คุณต้องการให้มีความสว่างมากขึ้น แต่กล้องระดับไฮเอนด์มักจะไม่มีแฟลชติดกล้อง เนื่องจากออกแบบมาสำหรับช่างภาพมืออาชีพซึ่งนิยมใช้แฟลช Speedlites มากกว่า นอกจากนี้ การมีแฟลชติดกล้องยังทำให้ซีลป้องกันสภาพอากาศกันฝุ่นละอองและหยดน้ำในระดับที่จำเป็นต่อการใช้งานของมืออาชีพได้ยากขึ้น
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
จุดโฟกัส: เทคนิคการใช้แฟลชติดกล้อง
ความเรียบง่ายหรือการควบคุมที่เข้าถึงได้โดยตรง
กล้องรุ่นใหม่ๆ ทั้งหมดจะมีหน้าจอสัมผัส ซึ่งทำให้การเข้าไปยังเมนูและควบคุมค่าต่างๆ เช่น โฟกัสอัตโนมัติ สะดวกกว่าที่เคย กล้องที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานระดับสูงขึ้นมักจะมีวงแหวนหรือปุ่มต่างๆ มากกว่าซึ่งจะช่วยให้คุณเปลี่ยนการตั้งค่าได้รวดเร็วยิ่งขึ้นในฉากที่มีการเคลื่อนไหว
ภาพด้านล่างแสดงแผงควบคุมด้านบนขวาและด้านหลังของกล้อง EOS R50 ซึ่งเป็นกล้อง APS-C ระดับเริ่มต้นและกล้อง EOS R7 ซึ่งเป็นกล้อง APS-C ระดับท็อปของ Canon
กล้องระดับสูงรุ่นใหม่ๆ อย่าง EOS R3 และ EOS R5 Mark II จะมีคุณสมบัติอันล้ำสมัยมากมาย เช่น Eye Control AF ที่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมจุดโฟกัสด้วยการเคลื่อนไหวดวงตาของตนเองได้
(ภาพที่แสดงไม่ใช่ขนาดจริง)
(ภาพที่แสดงไม่ใช่ขนาดจริง)
ต้องการกล้องสำหรับถ่ายวิดีโอเป็นหลักหรือไม่
กล้องรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Canon มีฟังก์ชั่นการถ่ายวิดีโอที่ยอดเยี่ยม แต่ฟังก์ชั่นในกล้อง PowerShot V และซีรีย์ EOS V จะมีสรีระพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ EOS R50 V มีวงแหวนเลือกโหมดเพื่อการถ่ายวิดีโออันเป็นเอกลักษณ์ ช่องเสียบขาตั้งกล้องเสริมสำหรับการติดตั้งในแนวตั้ง และปุ่มลัดสำหรับการสตรีมสดและเปลี่ยนโหมดสี
6. ฉันตั้งใจจะถ่ายอะไร
คุณสมบัติบางอย่างออกแบบมาเพื่อรองรับฉากบางประเภท
คุณสมบัติที่สำคัญสำหรับการถ่ายภาพแอ็คชันย่อมแตกต่างไปจากการถ่ายภาพทิวทัศน์ ต่อไปนี้คือแนวการถ่ายภาพทั่วไปและคุณสมบัติที่มีความสำคัญที่สุด
สัตว์ป่า ภาพแอ็คชัน และตัวแบบที่คาดเดาไม่ได้
EOS R5 Mark II + RF600mm f/4L IS USM
หากคุณต้องการซื้อกล้องเพื่อถ่ายภาพตัวแบบที่คาดเดาไม่ได้ เช่น นกที่กำลังบิน สัตว์เลี้ยง หรือการแข่งขันกีฬา กล้องที่สามารถตอบสนองและจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำจะช่วยคุณได้ ประสิทธิภาพของโฟกัสอัตโนมัติ (AF) ที่ดีจะมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อคุณใช้เลนส์เทเลโฟโต้ที่ยาว เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว เลนส์เหล่านี้จะมีระยะชัดที่ตื้นกว่าซึ่งอาจทำให้โฟกัสได้ยาก และความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องที่สูงก็ถือเป็นข้อดีพิเศษอีกข้อหนึ่ง
รู้หรือไม่ว่า: กล้องมิเรอร์เลสมีพื้นที่ครอบคลุม AF มากกว่ากล้อง DSLR
เมื่อใช้กล้อง DSLR ถ่ายผ่านช่องมองภาพ AF จะเกิดขึ้นจากเซนเซอร์ AF โดยเฉพาะ แต่สำหรับกล้องมิเรอร์เลสของ Canon AF จะเกิดขึ้นจากการใช้พิกเซลบนเซนเซอร์ภาพในระบบ Dual Pixel CMOS AF ซึ่งแบบที่สองนี้ให้พื้นที่ครอบคลุม AF ที่หนาแน่นกว่าและกว้างกว่า จึงทำให้ AF มีความเร็วและแม่นยำมากขึ้น
กล้อง DSLR
*ภาพนี้ใช้เป็นภาพประกอบเท่านั้น
ภาพด้านบนแสดงให้เห็นจุด AF 45 จุด ซึ่งเป็นคุณสมบัติทั่วไปสำหรับกล้อง DSLR ระดับกลาง กล้อง DSLR ระดับเริ่มต้นจะมีจำนวนจุดน้อยกว่ากล้อง DSLR ระดับสูง
กล้องมิเรอร์เลสซีรีย์ EOS R
*ภาพนี้ใช้เป็นภาพประกอบเท่านั้น
กล้องมิเรอร์เลสในซีรีย์ EOS R แทบทุกรุ่นสามารถตรวจจับและโฟกัสอัตโนมัติบนตัวแบบได้ 100% ของพื้นที่ภาพด้วยพื้นที่ครอบคลุมโซน AF ที่หนาแน่นขึ้นเพื่อความแม่นยำที่มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีตำแหน่ง AF แบบเลือกได้มากขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมจุด AF ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น แม้แต่กล้องระดับเริ่มต้นอย่าง EOS R50 ก็ยังมีโซน AF สูงสุด 651 โซนและ AF แบบเลือกได้ 4,503 ตำแหน่ง ในกล้องระดับสูงกว่า เช่น EOS R5 Mark II โซน AF จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,053 โซนและมี AF แบบเลือกได้ 5,850 ตำแหน่ง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
รู้จักกับเทคโนโลยีของ Canon: Dual Pixel CMOS AF คืออะไร
การจัดองค์ประกอบภาพทำได้ง่ายขึ้นในกล้องมิเรอร์เลสใช่หรือไม่
เลือกกล้อง EOS R7 หรือ DSLR แบบ APS-C ระดับสูงดีกว่ากัน (ตอนที่ 2): ความสามารถหลัก
คุณสมบัติอื่นๆ ที่ควรพิจารณา:
– ระบบโฟกัสอัตโนมัติและอินเทอร์เฟซ: กล้องที่มีระบบ Dual Pixel CMOS AF II และ Dual Pixel Intelligent AF ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อประสิทธิภาพในการตรวจจับและติดตามตัวแบบที่ดียิ่งขึ้น กล้องที่วางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2564 เป็นต้นมา (ยกเว้น EOS R100) จะมีอินเทอร์เฟซของระบบ AF ที่ใช้งานง่ายและยืดหยุ่นมากขึ้นเช่นเดียวกับกล้อง EOS R3
– โหมดการตรวจจับตัวแบบ: ตัวอย่างเช่น หากคุณถ่ายภาพกีฬาแข่งรถ ฟังก์ชั่นตรวจจับยานพาหนะจะช่วยคุณได้มาก หรือหากคุณมีแผนจะถ่ายภาพในงานอีเวนต์หรือคอนเสิร์ต Register People Priority คือฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์
– ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องสูง: ยิ่งกล้องสามารถถ่ายจำนวนเฟรม (ถ่ายติดต่อกัน) ต่อวินาทีได้มากเท่าใด โอกาสที่คุณจะได้ภาพที่สมบูรณ์แบบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ตรวจดูให้แน่ใจว่ากล้องรองรับการติดตามตัวแบบขณะถ่ายต่อเนื่อง
– การควบคุมโดยตรงและฟังก์ชั่นแบบกำหนดเองได้: ช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนการตั้งค่าได้อย่างรวดเร็ว
EOS R10 + RF-S18-150mm f/3.5-6.3 IS STM ที่ 70 มม. (เทียบเท่า 112 มม.), f/6.3, 1/2000 วินาที, ISO 400
กล้องรุ่นใหม่ๆ จาก Canon อย่าง EOS R7 และ EOS R10 มีความสามารถในการตรวจจับและติดตามตัวแบบโดยใช้การเรียนรู้เชิงลึกอันล้ำสมัยซึ่งช่วยให้สามารถโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นแม้กับตัวแบบที่เคลื่อนที่เร็วในทิศทางที่คาดเดาไม่ได้
การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย/กลางคืน
EOS R6 Mark II + RF14-35mm f/4L IS USM ที่ f/11, 1/25 วินาที, ISO 51200
หากคุณตั้งใจว่าจะถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยบ่อยครั้ง คุณอาจต้องใช้กล้องที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นแม้ในเวลากลางคืน ควรเลือกกล้องที่มี:
– ประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูง: คุณสามารถตั้งค่าความไวแสง ISO ได้สูงเท่าใดก่อนที่ภาพจะเกิดเม็ดเกรนจากจุดรบกวน
– ขีดจำกัด AF ในสภาวะแสงน้อยที่ต่ำ: เพื่อให้โฟกัสได้ง่ายขึ้นแม้ในสภาวะแสงน้อย
– ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้อง (ระบบ IS ในตัวกล้อง): เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันภาพสั่นไหวเมื่อถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง
โดยทั่วไป กล้องฟูลเฟรมที่มีจำนวนพิกเซลในภาพน้อยกว่าจะให้ภาพคมชัดกว่าที่ความไวแสง ISO สูง เนื่องจากแต่ละพิกเซล ดังนั้นพื้นที่รวบรวมแสงจะมีขนาดใหญ่กว่า แต่เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น โครงสร้างของเซนเซอร์ภาพและอัลกอริธึมของการลดจุดรบกวนก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
ข้อควรรู้: ระดับที่ “ไม่สามารถยอมรับได้” ขึ้นอยู่กับความชอบ
ยกตัวอย่างเช่น ช่างภาพที่ถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหวเร็วอาจให้ความสำคัญสูงสุดกับการถ่ายภาพให้ได้ในขณะนั้น จึงยอมรับการเกิดเม็ดเกรนได้มากกว่าหากเทียบกับช่างภาพพอร์ตเทรตที่ต้องการให้ผิวหนังของตัวแบบดูเนียนสวยไร้ที่ติ หากการเกิดเม็ดเกรนมีความสำคัญกับคุณมาก โปรดดูภาพตัวอย่างจากกล้องที่ถ่ายด้วยความไวแสง ISO สูง
หากต้องการดูตัวอย่างว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถเพิ่มประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูงได้อย่างไร อ่านได้ที่:
[รีวิวการใช้งาน] EOS R6 ในการถ่ายภาพคอนเสิร์ตการเต้นรำ
ภาพทิวทัศน์
EOS R8 + RF14-35mm f/4L IS USM
ประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูงและประสิทธิภาพ AF ความเร็วสูงอาจไม่สำคัญนักสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ แต่ช่างภาพทิวทัศน์มักจะต้องการ:
– ช่วงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างขึ้น: เพื่อถ่ายภาพที่มีช่วงสีที่กว้างกว่าในฉากที่มีความเปรียบต่างสูง เช่น พระอาทิตย์ขึ้นและตก
– จำนวนพิกเซลที่มากขึ้น: ช่วยให้บันทึกรายละเอียดได้มากขึ้น และหากคุณต้องการพิมพ์ภาพขนาดใหญ่
– ซีลป้องกันสภาพอากาศที่ดี: หากคุณต้องถ่ายภาพกลางแจ้งบ่อยครั้ง กล้องที่ออกแบบมาให้กันฝุ่นละอองและหยดน้ำเข้าจะมีความทนทานต่อสภาพอากาศมากกว่า ซึ่งกล้องเช่นนี้มักเป็นกล้องระดับไฮเอนด์
คุณสมบัติอื่นๆ ที่ควรพิจารณา:
– ระบบ IS ในบอดี้กล้องและหน้าจอ LCD แบบปรับหมุนได้: ช่วยในการถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งจากมุมที่ไม่ซ้ำใคร
– เซนเซอร์แบบฟูลเฟรม: เพื่อใช้ประโยชน์จากเลนส์มุมกว้างอัลตร้าไวด์อย่าง RF10-20mm f/4L IS USM และ RF15-35mm f/2.8L IS USM ที่สามารถถ่ายภาพให้มีเปอร์สเปคทีฟน่าประทับใจยิ่งขึ้น
– Focus Bracketing: ซ้อนโฟกัสได้ง่ายขึ้นเพื่อถ่ายภาพฉากที่มีความลึกให้อยู่ในโฟกัสตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง กล้องบางรุ่นจะมีฟังก์ชั่น Depth Compositing ในตัวที่สามารถนำภาพถ่ายคร่อมมาซ้อนกันโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณดูผลลัพธ์ได้ในทันที
– รองรับการบันทึกแบบ HDR PQ HEIF: เพื่อช่วงไดนามิกเรนจ์ที่กว้างขึ้นแม้ไม่มีกระบวนการปรับแต่งภาพ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
การเริ่มต้นถ่ายภาพทิวทัศน์: 5 สิ่งที่ควรทราบ
ทำไมกล้อง EOS R5 ถึงเป็นกล้องในอุดมคติสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ของผม
ภาพพอร์ตเทรต
EOS R6 Mark II + RF50mm f/1.2L USM
การให้ดวงตาอยู่ในโฟกัสเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต กล้องใหม่ล่าสุดทุกรุ่นจะมี Eye Detection AF ที่ทำหน้าที่ตรวจจับดวงตาของตัวแบบภาพพอร์ตเทรตและทำให้ดวงตาอยู่ในโฟกัส เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ภาพที่ดีที่สุดแม้แต่กับตัวแบบที่เคลื่อนที่อยู่เสมอ เช่น เด็กๆ โปรดดูว่ากล้องรองรับ Eye Detection AF แม้แต่ในโหมด Servo AF หรือไม่ (กล้องที่เก่ากว่าบางรุ่นอาจไม่รองรับ) กล้องรุ่นใหม่ๆ สามารถทำได้แม้กระทั่งให้คุณกำหนดเองว่าจะเลือกโฟกัสที่ดวงตาข้างซ้ายหรือขวาก่อน
ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องที่สูงก็มีประโยชน์เช่นกัน
เคล็ดลับ: หน้าจอ LCD แบบปรับหมุนได้ + Eye Detection AF = การผสมผสานที่ทรงพลังสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต
การสร้างความสัมพันธ์กับตัวแบบในภาพพอร์ตเทรตของคุณอาจเป็นเรื่องยากหากใบหน้าของคุณถูกกล้องบดบัง หน้าจอ LCD แบบปรับเอียง/หมุนได้ Eye Detection AF และการติดตามตัวแบบที่ยอดเยี่ยมจะช่วยให้คุณถ่ายภาพที่อยู่ในโฟกัสอย่างสวยงามได้ง่ายขึ้นแม้ในขณะที่คุณกำลังโต้ตอบกับตัวแบบ!
การถ่ายภาพแนวอื่นๆ:
– การถ่ายภาพมาโคร มักต้องอาศัยการโฟกัสที่มีความแม่นยำสูง ดังนั้น คุณจึงอาจต้องทำการปรับอย่างละเอียดด้วยตนเอง มองหาคุณสมบัติที่ช่วยในการโฟกัสแบบแมนนวล เช่น MF peaking และ Focus Guide
– สำหรับการถ่ายภาพสตรีท นอกจากความเร็วและการตอบสนองที่ว่องไวเพื่อจับภาพในช่วงเวลาต่างๆ แล้ว กล้องที่ไม่เป็นจุดสนใจจะสามารถช่วยคุณได้ มองหากล้องขนาดเล็กที่มีโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะช่วยให้คุณถ่ายภาพแบบไร้เสียงได้ในขณะที่ควบคุมการตั้งค่าการเปิดรับแสง
ช่างภาพชีวิตประจำวันรายหนึ่งที่พิถีพิถันกับกล้องที่เธอเลือกเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้กล้อง EOS RP เหมาะสำหรับเธอในบทความ:
ทำไมฉันจึงดีใจที่ได้ซื้อกล้อง EOS RP
7. ขนาดและสรีระเหมาะกับฉันหรือไม่
7. ขนาดและสรีระเหมาะกับฉันหรือไม่
คุณต้องการรู้สึกอย่างไรเมื่อถือกล้องก็ขึ้นอยู่กับคุณ
ข้อดีของการใช้กล้องล้ำสมัยที่สุดที่คุณสามารถซื้อได้มีน้ำหนักมากกว่าข้อเสียของบอดี้ที่ใหญ่และหนักหรือไม่ หรือเพียงแค่คิดว่าจะต้องถือกระเป๋าเพิ่มอีกใบคุณก็เหนื่อยใจแล้ว คุณเป็นคนที่ชอบความรู้สึกของการมีอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งอยู่ในมือ หรือคุณเชื่อในปรัชญาที่ว่า “น้อยแต่มาก” หากนี่เป็นกล้องตัวแรก คุณอาจจะไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตนเองจะชอบอะไร!
คุณควรได้ลองสัมผัสกล้องดูก่อนตัดสินใจ เช่ากล้องมาหากทำได้ หรือเข้าร่วมกิจกรรมทดลองใช้หากมีจัดขึ้นในพื้นที่ของคุณ กล้องสักตัวนับเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ และคุณควรซื้อรุ่นที่จะสามารถใช้งานได้อย่างเพลิดเพลิน!
ตามเข็มนาฬิกาจากมุมบนซ้าย: PowerShot V1, EOS R50, EOS R7, EOS R3 หากไม่ดูราคา กล้องที่มีขนาดและรูปลักษณ์แตกต่างกันเหล่านี้จะตอบโจทย์ผู้ใช้ได้หลากหลายกลุ่ม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ค้นพบความเพลิดเพลินในการถ่ายภาพสัตว์ป่าอีกครั้งด้วย EOS R50
ถือกล้องให้มั่นคง



อย่าลืมให้ความสำคัญกับกริป ส่วนที่ยื่นออกมาจากด้านขวาของตัวกล้องซึ่งเป็นจุดที่คุณวางนิ้วด้วย หากมือของคุณมีขนาดใหญ่ คุณอาจพบว่ากริปที่ลึกทำให้คุณถือกล้องได้อย่างมั่นคงมากกว่า ภาพที่แสดงด้านบนคือกริปของกล้อง (จากซ้ายไปขวา) PowerShot V1, EOS R10, EOS R7
—
คุณจะเห็นได้ว่าไม่มีรุ่นใดเป็น “กล้องดีที่สุด” ที่เหมาะกับสำหรับทุกคน เราหวังว่าข้อมูลข้างต้นจะช่วยให้คุณคัดเลือกคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับความต้องการและสไตล์การถ่ายภาพของคุณ และทำให้คุณพบกล้องที่เหมาะกับตัวเองที่สุดได้ง่ายขึ้น ขอให้คุณโชคดีบนเส้นทางการถ่ายภาพ!
หากมีกล้องในใจบ้างแล้ว บทความเปรียบเทียบเหล่านี้อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น:
EOS R50 V กับ PowerShot V1: สองรุ่นนี้ต่างกันอย่างไร
EOS R6 Mark II กับ EOS R8: เลือกใช้กล้องรุ่นไหนดี